ปุ๋ยที่ให้กุหลาบสามารถให้อยู่ในปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี และ ปุ๋ยที่ให้ทางใบ กุหลาบที่ผู้ปลูก ปลูกแล้วตายมันมี 2 สาเหตุหลักๆคือ 1.ลืมลดน้ำ ขี้เกียจให้น้ำ กุหลาบมักจะขาดน้ำ ใบเหลือง ใบร่วง 2.ผู้ปลูกที่ปลูกรอดมาได้ระยะหนึ่งจะเริ่มมือหนักในการให้ปุ๋ย เร่งต้นให้ออกดอก ต้นไม้ได้รับปุ๋ยมากเกินไป ใบไหม้ รากไหม้

หลักของการให้ปุ๋ยกุหลาบที่ดีที่สุดคือ การให้ปุ๋ยอินทรีย์และการเพิ่มจุลินทรีย์ไปพร้อมๆกัน หรือจะให้ปุ๋ยชีวภาพก็ได้ กุหลาบหรือต้นไม้ทุกชนิดจะไม่สามารถรับปุ๋ยทางรากได้โดยตรง จำเป็นต้องพึ่งจุลินทรีย์ในดินในการช่วยย่อยธาตุอาหารให้เป็นโมเลกุลที่เล็กลง ซึ่งในปุ๋ยอินทรีย์นั้นก็มีจุลินทรีย์อยู่แล้ว การให้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีจุลินทรีย์ในดินเลย ดินจะเริ่มเสื่อมสภาพ ดินจะแข็ง และมีเกลือที่ได้จากปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้น ต้นไม้ก็จะเลี้ยงไม่โตสักที

การเร่งให้กุหลาบมีดอกเยอะ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ

1. กุหลาบตัดดอก ที่ต้องการอาหารมากและออกดอกไม่หยุดในภูมิประเทศเขตร้อนชื้น และจะถูกตัดดอกพร้อมใบซึ่งเป็นแหล่งสร้างอาหารออกไป นอกจากจะต้องให้ปุ๋ยอินทรีย์ จุลินทรีย์ เพื่อบำรุงดินแล้ว จำเป็นต้องพึ่งปุ๋ยเคมีบ้าง แต่ต้องระวังเรื่องปริมาณการให้ให้มาก และการให้ฮอร์โมนพืชทางรากและทางใบ โดยเฉพาะฮอร์โมนไซโตไคนินที่มีอยู่ในสารสกัดจากสาหร่ายที่มีขายตามท้องตลาด ก็ช่วยเรื่องการแตกตา และเพิ่มคุณภาพของดอกด้วย
2. กุหลาบที่ปลูกในสวน เป้าหมายของการปลูกกุหลาบในสวนก็เพื่อการสร้างพุ่มเป็นหลัก การเลี้ยงกุหลาบแบบนี้ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีมากครั้งในรอบ 1 ปี เมื่อต้นมีพุ่มโตได้ที่แล้วดอกก็จะมาเอง การใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเป็นประจำทุกเดือนก็ช่วยเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ดิน

การให้ปุ๋ยเคมี
การเลือกปุ๋ยที่มีอัตราส่วนธาตุอาหาร NPK ที่เหมาะสม คือ N:P:K = [1]:[0.4-0.5]:[1.2-1.5] ปุ๋ยในตลาดที่สูตรใกล้เคียงคือ 14-9-20, 15-5-20, 21-9-24
ปริมาณที่พอดี ประมาณ 50 กรัมต่อตรม. หรือ 7 กรัมต่อต้นทุก 10 วัน
ส่วนธาตุอาหารรอง
       แคลเซี่ยม: ใช้ปุ๋ยแคลเซี่ยมไนเตรท CaNO3 (15-0-0), ปูนมาร์ล โดโลไม้ท์ (Ca + Mg)
       ซัลเฟอร์: ใช้ปุ๋ยซัลเฟต, กำมะถันผง
       แม็กนีเซียม: ใช้โดโลไม้ท์, แมกนีเซียมซัลเฟต
ส่วนธาตุอาหารอื่นๆ ใช้ปุ๋ยคอก, ปุ๋ยปลา, ปุ๋ยกระดูก, ปุ๋ยเลือด, อาหารเสริมพ่นทางใบ

ช่วงการให้ปุ๋ยเคมี (คำเตือน: ถ้าทำทุกระยะจะปวดหัวมาก)

• ช่วงต้นฤดูการเจริญเติบโตของกุหลาบ (ต้นฤดูฝนและต้นฤดูหนาว): ให้ปุ๋ยสูตร 6-12-4
• ระยะที่ตาเริ่มแตกยอดอ่อน: ให้ปุ๋ยสูตร 5-10-5, 4-12-4
• ระยะก่อนออกดอก: ใส่ฟอสเฟตหรือนำไปผสมน้ำฉีดพ่นก่อนออกดอก 1 – 2 สัปดาห์
• ระยะหลังตัดแต่งกิ่งกลางหรือหนักไปแล้ว: ใส่ Emsalt เพิ่มการแตกกิ่งกระโดง
• ระยะหลังย้ายกระถาง: ใส่หินฟอสเฟตรอง หรือปุ๋ยละลายช้ารองก้นหลุม (ถ้าเป็นปุ๋ยอินทรีย์ก็ใช้ปุ๋ยกระดูก) และยังไม่ควรใส่ปุ๋ยที่หน้าดิน
• ช่วงปกติ: ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอได้

สามารถดูธาตุอาหารที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตได้ในหมวดความรู้ทั่วไป

• ไนโตรเจน
• ฟอสฟอรัส
• โพแทสเซียม
• แคลเซียม
• แมกนีเซียม
• ซัลเฟอร์
• แมงกานีส
• เหล็ก
• ทองแดง
• สังกะสี
• โมลิบดีนัม
• คลอรีน
• โบรอน